ดิฉันมีประสบการณืเรื่องผีๆ ที่ประสบพบเจอกับตัวเองตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบันมาเล่าให้ฟัง
เมื่อก่อนตอนเด็กๆดิฉันเป็นคนที่กลัวผีมากคนหนึ่ง และก็เหมือนกับคนที่กลัวผีส่วนใหญ่ ที่กลัว แต่ชอบฟัง และชอบดูหนังผี ซึ่งดิฉันไม่เคยคิดเลยว่าดิฉันจะหายการโรคกลัวผีจนขึ้นสมองได้ แต่จากการที่ดิฉันได้พบเจอกับปนะสบการณ์ลี้ลับมากมายทำความกลัวผีนั้นค่อยๆ ลดน้อยลง จนเป็นความเคยชินไปในที่สุด (เพราะเจอผีบ่อยจัด) ทำให้ในปัจจุบันนี้ ดิฉันแทบจะไม่กลัวผีเลยซะด้วยซ้ำ
เรื่องที่ 1 เป็นตอนสมัยดิฉันยังเด็กๆ จำได้ว่าตอนนั้นอยู่ ป.1 ก็ประมาณ 6 ขวบได้ ดิฉันกำลังนั่งดูทีวีอยู่ในบ้าน แล้วสักพักดิฉันก็เลยหันไปมองที่ประตูบ้านเห็นคนเดินผ่านประตูบ้านไปทางหลัง บ้านของดิฉัน ซึ่งดิฉันยังจำลักษณะของเค้าได้ดีเป็นผู้ชายรูปร่างสูงผอม ใส่เสื้อเชิ้ตลายทางตรง สวมกางเกงสแล็กขายาว ซึ่งเห็นเป็นรูปร่างเหมือนคนเพียงแต่เป็นเงารางๆ ซึ่งตอนแรกก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะนึกว่าเป็นน้าชายของดิฉัน เพราะรูปร่างลักษณะเหมือนน้าชาย ก็เลยหันกลับมาดูทีวีต่อ แต่ก็ยังคิดไปด้วยว่าทำไม่เห็นเป็นแค่เงารางๆ อย่างนั้น นะ ด้วยความสงสัยดิฉันก็เลยลุกขึ้นไปดู ปรากฎว่าน้าชายดิฉันเล่นเปตองอยู่หน้าบ้าน แล้วก็ไม่ได้ใส่ชุดอย่างที่ดิฉันเห็น น้าชายใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น ดิฉันก็เลยเดินตามไปดูที่หลังบ้านปรากฎว่าไม่มีใครเลยสักคน.....ตอนนั้น ดิฉันก็เลยงง งง ว่าผีหลอกดิฉันเหรอ ทำไมไม่เห็นน่ากลัวเลย รึว่าเราตาฝาดไปเอง.....
เรื่องที่ 2 ก็เจอตอนยังเด็กอยู่นั่นแหละดิฉันนอนหลับอยู่แล้วฝันว่ามีเงาดำๆ กระโดดมาทับตัวดิฉันไว้ แล้วก็เลยสะดุ้งตื่น ปรากฏว่าดิฉันขยับไม่ได้ และจากการที่ดิฉันฟังเรื่องผีมาเยอะก็จะรู้ว่าคนโดนผีอำจะขยับไม่ได้และเวลา ร้องก็จะไม่มีเสียง ดิฉันก็เลยลองร้องตะโกนแต่กลับไม่มีเสียง...ตอนนั้นก็เริ่มกลัวแล้วก็เลยสวด มนต์มั่วไปหมด สักพักอาการผีอำก็เริ่มหายไป.....แต่ดิฉันก็ยังไม่แน่ใจว่าโดนฝีอำจริงๆรึ เปล่า หรือว่าเราเป็นตะคริวไปเองเลยขยับไม่ได้.....ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลกนะที่ ดิฉันเป็นคนที่เชื่อเรื่องผีแต่เวลาเจอกับเหตุการณ์นั้นจริงๆ ดิฉันก็จะพยายามหาเหตุผลมาหักล้างก่อนทุกที...มากกว่าจะสรุปว่าเราเจอผี
เรื่องที่ 3 ตอนนั้นดิฉันเรียนอยู่ ม.4 และได้ไปเรียนอยู่โรงเรียนคริสต์แห่งหนึ่งซึ่งที่นั่นจะเป็นโรงเรียนประจำ ในหอพักจะเป็นเตียงชั้นเดียวเรียงกัน ไม่ได้เป็นเตียง 2 ชั้น และในห้องที่เรานอนจะมีห้องนอนสำหรับอาจารย์คุมหออยู่ในนั้นด้วย ซึ่งอาจารย์ก็มักจะเดินเข้าเดินออกตลอดเวลา ในตอนดึกๆ...วันนั้นดิฉันสะดุ้งตื่นมาตอนดึก และก็เห็นว่ามีคน 2 คน ยืนชะโงกมองมาทางดิฉัน แต่เห็นไม่ขัดเป็นเพียงเงาดำๆ ทีแรกดิฉันเข้าใจว่าเป็นอาจารย์ และเพราะว่ามันมืดดิฉันก็เลยมองไม่เห็นหน้าอาจารย์ ดิฉันก็เลยลุกขึ้นมาและเพ่งมองไปที่เงาดำๆ นั้น เห็นเป็นเงา 2 คน คนหนึ่งอ้วนเตี้ย คนหนึ่งสูงผอม และเพ่งมองยังไงก็ไม่เห็นเป็นรูปร่างชัดๆ สักที ดิฉันก็เลยถึงบางอ้อให้แล้วว่าผีแน่ ๆ ก็เลยนอนคลุมโปงจนเช้าเลยค่ะ.....
เรื่องที่ 4 ดิฉันขอบอกไว้ก่อนเลยว่าประสบการณ์ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ดิฉันได้เห็นผีจะ จะ เลยล่ะค่ะ ช่วงนั้นดิฉันได้เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยในกรุงเทพและได้เช่าหอพักอยู่แถว ย่านรามคำแหง ซึ่งตอนนั้นหาหอยากมากค่ะไม่มีห้องว่างเลย แล้วก็ได้มาเจอหอหนึ่งมีห้องว่างอยู่ 1 ห้องพอดี ดิฉันก็ตกลงเช่าห้องเลยเพราะขี้เกียจหาหอพักแล้ว ซึ่งมาอยู่ช่วงแรกๆ ก็ไม่มีอะไร ตอนนั้นดิฉันยังอยู่คนเดียวอยู่เพราะยังไม่เปิดเทอมเพื่อนอีกคนเลยยังไม่มา แล้ววันหนึ่งเวลา 11.00 น. ดิฉันจำได้แม่นเพราะดิฉันตื่นขึ้นมาดูนาฬิกาและเห็นว่ายังไม่บ่ายก็เลยจะขอ นอนต่อ พอหลับไปได้สักพักหนึ่งดิฉันก็รู้สึกว่าเตียงที่ดิฉัยนอนอยู่มันโยกเหมือนมี คนมาขย่ม แต่ด้วยความง่วงดิฉันก็เลยคิดว่าเป็นเพื่อนดิฉันก็เลยจะนอนต่อ.....สักพัก สติมันเริ่มมา เริ่มคิดได้ว่าตอนนี้ดิฉันอยู่ห้องคนเดียวแล้วประตูก็ล็อคไว้เพื่อนจะเข้ามา ได้ยังไง เท่านั้นแหละดิฉันลืมตาแล้วพยายามจะลุกปรากฎว่าลุกไม่ขึ้น ขยับตัวไม่ได้ ดิฉันลองขยับทุกส่วนขยับได้เพียงแต่มือ กับตาที่กลอกไปกลอกมาได้แค่นั้น ดิฉันก็เลยกลอกตาไปรอบๆ (เตียงยั่งสั่นอยู่) แล้วดิฉันก็เหลอบไปเหนือหัวของดิฉัน และดิฉันก็พบสาเหตุของเตียงสั่น ดิฉันเห็นผู้ชายเป็นเงาลางๆ นั่งขย่มเตียงอยู่ เท่านั้นแหละดิฉันก็สวดมนต์ทุกบทที่ท่องได้มั่วกันไปหมด (แต่ตาดิฉันก็ยังมองผู้ชายคนนั้นอยู่น่ะ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาด) สักพักก็มีเสียงหนึ่งมากระซิบข้างหูของดิฉันว่า "จะนอนอะไรกันนักกันหนา" และก็หัวเราะ แล้วก็หายไป....โหดิฉันลุกขึ้นได้นั่งร้องไห้เลยอ่ะ เป็นครั้งแรกที่เจอผีจังๆ กลัวมากอ่ะ......แต่ไปเล่าให้เพื่อฟังเพื่อนหัวเราะค่ะ หาว่าดิฉันโม้...ตลกว่ะผีมาบอกว่าจะนอนอะไรกันนักกันหนา...ดูดิ่เพื่อนยัง ไม่เชื่อ แต่ขอบอกว่านี้เรื่องจริงไม่ตลก ผีเค้าพูดอย่างนั้นจริงๆ....
+++++คุณคงคิดว่าดิฉันเจอผีแล้วดิฉันจะย้ายออกอ่ะดิ่ เปล่าเลยดิฉันยังอยู่ต่อ แต่อยู่เฉพาะเวลากลางวันนะ กลางคืนไปนอนห้องเพื่อนเพราะกลัว++++
เรื่องที่ 5 เกิดที่หอเดิมนั่นแหละพอดีว่าเปิดเทอมแล้วเลยมีเพื่อนนอนด้วยก็เลยใจชื้น กลับมาอยู่หอเดิม ก็เล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนบอกให้ย้ายหอ แต่ดิฉันไม่ย้าย ด้วยความขี้เกียจบวกกับความงกกลัวเสียเงินประกันก็เลยอยู่ต่อ เชื่อป่ะว่าในห้องอยู่กัน 3 คนน่ะ แต่ดิฉันเจอผีอยู่คนเดียวแต่มาในรูปแบบของผีอำตลอด มาทั้งกลางวันกลางคืน โอ้โหไม่รู้จะอะไรกันนักกันหนาเจออยู่คนเดียว ตอนแรกเวลาโดนอำก็สวดมนต์นะ แต่สวดไปก็ไม่ไหนได้ผล หลังๆ ก็เลยปล่อยมันอำไปเหอะ กรูจะนอน ง่วงอ่ะ.......มีคืนหนึ่งนอนกันอยู่ 3 คน ก็นอนคุยกันตามประสาผู้หญฺงแหละดิฉันนอนริมใกล้ประตูเลย คุยกันสักพัทุกคนก็เริ่มเงียบเหมือนเตรียมตัวจะนอนกันล่ะ ดิฉันก็หลับตาจะนอน ก็ได้ยินเสียงคนเดินลงส้นเท้า ตึง ๆ ก็เลยลืมตาตื่นขึ้นมาดู น่าโดนอำอีกแล้วกรู เห็นเป็นเงาดำๆ เดินวนไปวนมาอยู่ข้างเตียง ข้างที่ดิฉันนอนเลย ดิฉันเลยพยายามร้องออกมาสุดเสียง เพื่อนได้ยินก็เลยเขย่าตัวดิฉัน...ถามว่าเป็นอะไร...เพื่อคิดว่าดิฉันนอน ละเมอ...แต่เปล่าเลยดิฉันยังไม่ได้หลับ....ดิฉันก็เลยเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็เลยบอกว่าได้ยินเสียงคนเดินลงส้นเท้าเหมือนกันแต่คิดว่าเป็นห้อง ข้างบนก็เลยไม่สนใจ....คิดดูดิ่ขนาดยังไม่มีใครหลับน่ะเนี่ยะ...ผียังมาหลอก ไม่รู้ซวยอะไรกันนักกันหนา....บางครั้งนะกลางวันแสกๆ ดิฉันนอนอยู่ เพื่อนดิฉันก็นั่งเล่นคอมอยู่ในห้อง ผียังอำดิฉันเลย เพื่อนนั่งอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือยังเอื้อมไม่ถึง...และดิฉันก็อยู่หอนั้นจน เรียนจบ ....... พร้อมกับความกลัวผีหายไปเป็นปลิดทิ้ง 55555+++ ขอบอกว่าห้อง 1406 เหอะ เหอะ
++++ชีวิตหลังจากออกจากหอนั้น...คิดว่าจะไม่เจอผีแล้วสิ แต่ยัง ยังไม่หมด....ไปอยู่หอไหนก็เจอทุกหอเลย....ก็เลยรู้แล้วล่ะว่าคงไม่เกี่ยวกะ หอหรอก...มันเกี่ยวกับตัวชั้นเอง...ผีมันอยากจะมาหลอกชั้น....ไม่ว่าจะไป อยู่ไหนก็เจอ.....
เรื่องที่ 6 ตอนนี้มาอยู่หอใหม่แล้ว โอ้มายก็อดรู้ว่าเจอผีบ่อยอิฉันก็ยังดันมาอยู่หอแถววัด ใครรู้จักบ้างอ่ะ พหล 55 ซอยข้างวัดพระศรีน่ะ นั่นแหละ
เอาเรื่องเด็ดๆ ล่ะกัน เรื่องขี้หมูขี้หมา พวกแบบว่าฝันเห็นผี หรือได้ยินแค่เสียงน่ะเรื่องเล็กไม่ค่อยหน้ากลัว .... ดิฉันนอนอยู่กับเพื่อน 2 คน ปิดไฟเตรียมนอนเรียบร้อย หลับตาแล้วแต่ยังไม่หลับลึก ได้ยินเสียงคนคุยกันข้างๆ หูเลย 2 คนด้วย ว่า "หลับแล้วเหรอ " และ 2 คนนั้นก็คุยกันประมาณว่า เค้าหลับแล้วอย่าไปกวนเค้า.....ดิฉันก็เลยลืมตาขึ้นมาดู เห็นเงาดำๆ อีกล่ะ ขยับไม่ได้อีกล่ะ ...แล้วก็ได้ยินเสียงข้างหูเลยว่า"อุ๊ย...ตื่นแล้วเหรอ" พร้อมกับเสียงหัวเราะ แหะ แหะ (หัวเราะประมาณว่าเกรงใจที่ทำให้เราตื่น..ประมาณนั้น) แล้วก็หายไป....นี่คือเรื่องล่าสุดที่เจอมาสดๆ ร้อนๆเลยเมือนเดือนที่แล้ว
+++++ปกติจะเจอผีบ่อยนะเกือบทุกวัน แต่เดี๋ยวนี้นานๆ เจอทีอ่ะ บางครั้งก็รู้สึกเหงาๆ ยังไงไม่รู้เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเจอผี +++++ สงสัยเดี๋ยวนี้สวดมนต์ทุกวันมั๊ง....
เรื่องที่ 1 เป็นตอนสมัยดิฉันยังเด็กๆ จำได้ว่าตอนนั้นอยู่ ป.1 ก็ประมาณ 6 ขวบได้ ดิฉันกำลังนั่งดูทีวีอยู่ในบ้าน แล้วสักพักดิฉันก็เลยหันไปมองที่ประตูบ้านเห็นคนเดินผ่านประตูบ้านไปทางหลัง บ้านของดิฉัน ซึ่งดิฉันยังจำลักษณะของเค้าได้ดีเป็นผู้ชายรูปร่างสูงผอม ใส่เสื้อเชิ้ตลายทางตรง สวมกางเกงสแล็กขายาว ซึ่งเห็นเป็นรูปร่างเหมือนคนเพียงแต่เป็นเงารางๆ ซึ่งตอนแรกก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะนึกว่าเป็นน้าชายของดิฉัน เพราะรูปร่างลักษณะเหมือนน้าชาย ก็เลยหันกลับมาดูทีวีต่อ แต่ก็ยังคิดไปด้วยว่าทำไม่เห็นเป็นแค่เงารางๆ อย่างนั้น นะ ด้วยความสงสัยดิฉันก็เลยลุกขึ้นไปดู ปรากฎว่าน้าชายดิฉันเล่นเปตองอยู่หน้าบ้าน แล้วก็ไม่ได้ใส่ชุดอย่างที่ดิฉันเห็น น้าชายใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น ดิฉันก็เลยเดินตามไปดูที่หลังบ้านปรากฎว่าไม่มีใครเลยสักคน.....ตอนนั้น ดิฉันก็เลยงง งง ว่าผีหลอกดิฉันเหรอ ทำไมไม่เห็นน่ากลัวเลย รึว่าเราตาฝาดไปเอง.....
เรื่องที่ 2 ก็เจอตอนยังเด็กอยู่นั่นแหละดิฉันนอนหลับอยู่แล้วฝันว่ามีเงาดำๆ กระโดดมาทับตัวดิฉันไว้ แล้วก็เลยสะดุ้งตื่น ปรากฏว่าดิฉันขยับไม่ได้ และจากการที่ดิฉันฟังเรื่องผีมาเยอะก็จะรู้ว่าคนโดนผีอำจะขยับไม่ได้และเวลา ร้องก็จะไม่มีเสียง ดิฉันก็เลยลองร้องตะโกนแต่กลับไม่มีเสียง...ตอนนั้นก็เริ่มกลัวแล้วก็เลยสวด มนต์มั่วไปหมด สักพักอาการผีอำก็เริ่มหายไป.....แต่ดิฉันก็ยังไม่แน่ใจว่าโดนฝีอำจริงๆรึ เปล่า หรือว่าเราเป็นตะคริวไปเองเลยขยับไม่ได้.....ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลกนะที่ ดิฉันเป็นคนที่เชื่อเรื่องผีแต่เวลาเจอกับเหตุการณ์นั้นจริงๆ ดิฉันก็จะพยายามหาเหตุผลมาหักล้างก่อนทุกที...มากกว่าจะสรุปว่าเราเจอผี
เรื่องที่ 3 ตอนนั้นดิฉันเรียนอยู่ ม.4 และได้ไปเรียนอยู่โรงเรียนคริสต์แห่งหนึ่งซึ่งที่นั่นจะเป็นโรงเรียนประจำ ในหอพักจะเป็นเตียงชั้นเดียวเรียงกัน ไม่ได้เป็นเตียง 2 ชั้น และในห้องที่เรานอนจะมีห้องนอนสำหรับอาจารย์คุมหออยู่ในนั้นด้วย ซึ่งอาจารย์ก็มักจะเดินเข้าเดินออกตลอดเวลา ในตอนดึกๆ...วันนั้นดิฉันสะดุ้งตื่นมาตอนดึก และก็เห็นว่ามีคน 2 คน ยืนชะโงกมองมาทางดิฉัน แต่เห็นไม่ขัดเป็นเพียงเงาดำๆ ทีแรกดิฉันเข้าใจว่าเป็นอาจารย์ และเพราะว่ามันมืดดิฉันก็เลยมองไม่เห็นหน้าอาจารย์ ดิฉันก็เลยลุกขึ้นมาและเพ่งมองไปที่เงาดำๆ นั้น เห็นเป็นเงา 2 คน คนหนึ่งอ้วนเตี้ย คนหนึ่งสูงผอม และเพ่งมองยังไงก็ไม่เห็นเป็นรูปร่างชัดๆ สักที ดิฉันก็เลยถึงบางอ้อให้แล้วว่าผีแน่ ๆ ก็เลยนอนคลุมโปงจนเช้าเลยค่ะ.....
เรื่องที่ 4 ดิฉันขอบอกไว้ก่อนเลยว่าประสบการณ์ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ดิฉันได้เห็นผีจะ จะ เลยล่ะค่ะ ช่วงนั้นดิฉันได้เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยในกรุงเทพและได้เช่าหอพักอยู่แถว ย่านรามคำแหง ซึ่งตอนนั้นหาหอยากมากค่ะไม่มีห้องว่างเลย แล้วก็ได้มาเจอหอหนึ่งมีห้องว่างอยู่ 1 ห้องพอดี ดิฉันก็ตกลงเช่าห้องเลยเพราะขี้เกียจหาหอพักแล้ว ซึ่งมาอยู่ช่วงแรกๆ ก็ไม่มีอะไร ตอนนั้นดิฉันยังอยู่คนเดียวอยู่เพราะยังไม่เปิดเทอมเพื่อนอีกคนเลยยังไม่มา แล้ววันหนึ่งเวลา 11.00 น. ดิฉันจำได้แม่นเพราะดิฉันตื่นขึ้นมาดูนาฬิกาและเห็นว่ายังไม่บ่ายก็เลยจะขอ นอนต่อ พอหลับไปได้สักพักหนึ่งดิฉันก็รู้สึกว่าเตียงที่ดิฉัยนอนอยู่มันโยกเหมือนมี คนมาขย่ม แต่ด้วยความง่วงดิฉันก็เลยคิดว่าเป็นเพื่อนดิฉันก็เลยจะนอนต่อ.....สักพัก สติมันเริ่มมา เริ่มคิดได้ว่าตอนนี้ดิฉันอยู่ห้องคนเดียวแล้วประตูก็ล็อคไว้เพื่อนจะเข้ามา ได้ยังไง เท่านั้นแหละดิฉันลืมตาแล้วพยายามจะลุกปรากฎว่าลุกไม่ขึ้น ขยับตัวไม่ได้ ดิฉันลองขยับทุกส่วนขยับได้เพียงแต่มือ กับตาที่กลอกไปกลอกมาได้แค่นั้น ดิฉันก็เลยกลอกตาไปรอบๆ (เตียงยั่งสั่นอยู่) แล้วดิฉันก็เหลอบไปเหนือหัวของดิฉัน และดิฉันก็พบสาเหตุของเตียงสั่น ดิฉันเห็นผู้ชายเป็นเงาลางๆ นั่งขย่มเตียงอยู่ เท่านั้นแหละดิฉันก็สวดมนต์ทุกบทที่ท่องได้มั่วกันไปหมด (แต่ตาดิฉันก็ยังมองผู้ชายคนนั้นอยู่น่ะ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาด) สักพักก็มีเสียงหนึ่งมากระซิบข้างหูของดิฉันว่า "จะนอนอะไรกันนักกันหนา" และก็หัวเราะ แล้วก็หายไป....โหดิฉันลุกขึ้นได้นั่งร้องไห้เลยอ่ะ เป็นครั้งแรกที่เจอผีจังๆ กลัวมากอ่ะ......แต่ไปเล่าให้เพื่อฟังเพื่อนหัวเราะค่ะ หาว่าดิฉันโม้...ตลกว่ะผีมาบอกว่าจะนอนอะไรกันนักกันหนา...ดูดิ่เพื่อนยัง ไม่เชื่อ แต่ขอบอกว่านี้เรื่องจริงไม่ตลก ผีเค้าพูดอย่างนั้นจริงๆ....
+++++คุณคงคิดว่าดิฉันเจอผีแล้วดิฉันจะย้ายออกอ่ะดิ่ เปล่าเลยดิฉันยังอยู่ต่อ แต่อยู่เฉพาะเวลากลางวันนะ กลางคืนไปนอนห้องเพื่อนเพราะกลัว++++
เรื่องที่ 5 เกิดที่หอเดิมนั่นแหละพอดีว่าเปิดเทอมแล้วเลยมีเพื่อนนอนด้วยก็เลยใจชื้น กลับมาอยู่หอเดิม ก็เล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนบอกให้ย้ายหอ แต่ดิฉันไม่ย้าย ด้วยความขี้เกียจบวกกับความงกกลัวเสียเงินประกันก็เลยอยู่ต่อ เชื่อป่ะว่าในห้องอยู่กัน 3 คนน่ะ แต่ดิฉันเจอผีอยู่คนเดียวแต่มาในรูปแบบของผีอำตลอด มาทั้งกลางวันกลางคืน โอ้โหไม่รู้จะอะไรกันนักกันหนาเจออยู่คนเดียว ตอนแรกเวลาโดนอำก็สวดมนต์นะ แต่สวดไปก็ไม่ไหนได้ผล หลังๆ ก็เลยปล่อยมันอำไปเหอะ กรูจะนอน ง่วงอ่ะ.......มีคืนหนึ่งนอนกันอยู่ 3 คน ก็นอนคุยกันตามประสาผู้หญฺงแหละดิฉันนอนริมใกล้ประตูเลย คุยกันสักพัทุกคนก็เริ่มเงียบเหมือนเตรียมตัวจะนอนกันล่ะ ดิฉันก็หลับตาจะนอน ก็ได้ยินเสียงคนเดินลงส้นเท้า ตึง ๆ ก็เลยลืมตาตื่นขึ้นมาดู น่าโดนอำอีกแล้วกรู เห็นเป็นเงาดำๆ เดินวนไปวนมาอยู่ข้างเตียง ข้างที่ดิฉันนอนเลย ดิฉันเลยพยายามร้องออกมาสุดเสียง เพื่อนได้ยินก็เลยเขย่าตัวดิฉัน...ถามว่าเป็นอะไร...เพื่อคิดว่าดิฉันนอน ละเมอ...แต่เปล่าเลยดิฉันยังไม่ได้หลับ....ดิฉันก็เลยเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็เลยบอกว่าได้ยินเสียงคนเดินลงส้นเท้าเหมือนกันแต่คิดว่าเป็นห้อง ข้างบนก็เลยไม่สนใจ....คิดดูดิ่ขนาดยังไม่มีใครหลับน่ะเนี่ยะ...ผียังมาหลอก ไม่รู้ซวยอะไรกันนักกันหนา....บางครั้งนะกลางวันแสกๆ ดิฉันนอนอยู่ เพื่อนดิฉันก็นั่งเล่นคอมอยู่ในห้อง ผียังอำดิฉันเลย เพื่อนนั่งอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือยังเอื้อมไม่ถึง...และดิฉันก็อยู่หอนั้นจน เรียนจบ ....... พร้อมกับความกลัวผีหายไปเป็นปลิดทิ้ง 55555+++ ขอบอกว่าห้อง 1406 เหอะ เหอะ
++++ชีวิตหลังจากออกจากหอนั้น...คิดว่าจะไม่เจอผีแล้วสิ แต่ยัง ยังไม่หมด....ไปอยู่หอไหนก็เจอทุกหอเลย....ก็เลยรู้แล้วล่ะว่าคงไม่เกี่ยวกะ หอหรอก...มันเกี่ยวกับตัวชั้นเอง...ผีมันอยากจะมาหลอกชั้น....ไม่ว่าจะไป อยู่ไหนก็เจอ.....
เรื่องที่ 6 ตอนนี้มาอยู่หอใหม่แล้ว โอ้มายก็อดรู้ว่าเจอผีบ่อยอิฉันก็ยังดันมาอยู่หอแถววัด ใครรู้จักบ้างอ่ะ พหล 55 ซอยข้างวัดพระศรีน่ะ นั่นแหละ
เอาเรื่องเด็ดๆ ล่ะกัน เรื่องขี้หมูขี้หมา พวกแบบว่าฝันเห็นผี หรือได้ยินแค่เสียงน่ะเรื่องเล็กไม่ค่อยหน้ากลัว .... ดิฉันนอนอยู่กับเพื่อน 2 คน ปิดไฟเตรียมนอนเรียบร้อย หลับตาแล้วแต่ยังไม่หลับลึก ได้ยินเสียงคนคุยกันข้างๆ หูเลย 2 คนด้วย ว่า "หลับแล้วเหรอ " และ 2 คนนั้นก็คุยกันประมาณว่า เค้าหลับแล้วอย่าไปกวนเค้า.....ดิฉันก็เลยลืมตาขึ้นมาดู เห็นเงาดำๆ อีกล่ะ ขยับไม่ได้อีกล่ะ ...แล้วก็ได้ยินเสียงข้างหูเลยว่า"อุ๊ย...ตื่นแล้วเหรอ" พร้อมกับเสียงหัวเราะ แหะ แหะ (หัวเราะประมาณว่าเกรงใจที่ทำให้เราตื่น..ประมาณนั้น) แล้วก็หายไป....นี่คือเรื่องล่าสุดที่เจอมาสดๆ ร้อนๆเลยเมือนเดือนที่แล้ว
+++++ปกติจะเจอผีบ่อยนะเกือบทุกวัน แต่เดี๋ยวนี้นานๆ เจอทีอ่ะ บางครั้งก็รู้สึกเหงาๆ ยังไงไม่รู้เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเจอผี +++++ สงสัยเดี๋ยวนี้สวดมนต์ทุกวันมั๊ง....